เพิ่งจะปิดกันไปหมาดๆเลยสำหรับตลาดเดือนมกราคมที่ผ่านมาและก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้คึกคักอะไรซักเท่าไรซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะผลกระทบโรคระบาด โควิด-19 ในตอนนี้ สกู๊ปนี้จึงอยากขอนำเสนอย้อนอดีตวันวานซักนิดเกี่ยวกับ วันสุดท้ายหรือวันเด้ดไลน์ของตลาดหน้าหนาวว่า นักเตะค่าตัวแพง ที่สุด
6 นักเตะค่าตัวแพง ที่สุด ในวันสุดท้ายตลาดซื้อขายนักเตะหน้าหนาว
ฮวน กวาดราโด้
ย้ายจาก : ฟิออเรนติน่า > เชลซี
ค่าตัว : 26.8 ล้านปอนด์
ฤดูกาล : 2014-15
ดีลนี้เชื่อว่าอาจจะเป็นดีลที่แปลกประหลากมากที่สุดก็ว่าได้เพราะ กวาดราโด้ ย้ายมาอยู่กับ เชลซี ได้เพียงแค่ครึ่งฤดูกาลเท่านั้นเขาก็ต้องเก็บข้าวของย้ายออกไปอยู่กับ ยูเวนตุส
ตลอดระยะเวลาที่ดาวเตะทีมชาติโคลอมเบียอยู่ยังถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เขาลงสนามไปเพียง 12 นัดและยิงประตูไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียวแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีชื่อคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก และ คราบาว คัพ ได้ซะอย่างนั้น
สุดท้ายเส้นทางของ กวาดราโด้ ก็ไม่ได้บรรจบกับ เชลซี เพราะเขาถูก ยูเว่ ยืมไปใช้งานพร้อมกับซื้อขาดและลงสนามในฐานะขุนพล “ม้าลาย” มาจนถึงปัจจุบัน
- 10 ดาวเตะตรียมย้ายฟรีๆหลังจบซีซั่นนี้
- ดีลน้กเตะสุดล้มเหลวในรอบทศรวรรษตอนที่ 1
- ดีลน้กเตะสุดล้มเหลวในรอบทศรวรรษตอนที่ 2
วิลเลี่ยน
ย้ายจาก : ชัคตาร์ โดเน็ตส์ > อันชี่ มาคัชคาล่า
ค่าตัว : 30 ล้านปอนด์
ฤดูกาล : 2012-13
หลายคนอาจจะเคยเข้าใจผิดว่า วิลเลี่ยน ย้ายโดยตรงจาก ชัคตาร์ มาอยู่กับ เชลซี จนสร้างตำนานได้เลยแต่ไม่ได้เป็นแบบนั้นเพราะแข้งบราซิเลี่ยนโยกไปอยู่กับ อันชี่ เป็นระยะเวลาประมาน 6 เดือน
แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเงินของ อันชี่ ทำให้สโมสรจำเป็นจะต้องขายนักเตะออกจากทีมเพื่อนำเงินเข้ามาทำให้พวกเขาจำใจต้องขาย วิลเลี่ยน ออกจากสโมสรและแน่นอนก็เป็น เชลซี ที่ได้ลายเซ็นของ วิลเลี่ยน ไปครอง
ปัจจุบัน วิลเลี่ยน ยังคงโลดแล่นอยู่บนสังเวียน พรีเมียร์ลีก เพียงแต่ว่าเขาย้ายจาก เชลซี ไปอยู่กับ อาร์เซน่อล แล้วแต่ฟอร์มการเล่นก็ไม่ได้เปรี้ยงปร้างและดร็อปลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น
แจ็คสัน มาร์ติเนซ
ย้ายจาก : แอตเลติโก้ มาดริด > กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์
ค่าตัว : 32 ล้านปอนด์
ฤดูกาล : 2015-16
ในฤดูกาลดังกล่าว แอตเลติโก้ มาดริด ต้องเสียนักเตะอย่าง อาร์ดา ตูราน และ มาริโอ มานด์ซูคิช ออกจากสโมสรไปทำให้พวกเขาจิ้มเลือก มาร์ติเนซ มาจาก ปอร์โต้ เพื่อทดแทนแข้งในตำแหน่งแนวรุก
แต่ถึงอย่างนั้น มาร์ติเนซ ก็ไม่ได้ทำผลงานได้ตามที่ ดีเอโก้ ซิมิโอเน่ หวังเอาไว้เขาทำได้เพียงแค่ 2 ประตูจากการลงสนาม 15 นัดทำให้เมื่อถึงตลาดหน้าหนาว “ตราหมี” ก็ไม่รอช้าตัดสินใจขายทิ้งทันที
และการขายดังกล่าวมันก็เหมือนกับทำให้ มาร์ติเนซ เสียผู้เสียคนไปเลยเพราะแม้แต่การย้ายไปเล่นใน ไชนีส ซูเปอร์ลีก เขาก็ทำได้แค่ 4 ประตูจากการลงสนามทั้งหมด 16 นัดแถม มาร์ติเนซ มาบาดเจ็บข้อเท้าจนต้องพักยาว 2 ปีเต็มจนกระทั่งล่าสุดเขาเพิ่งตัดสินใจแขวนสตั๊ดไปเมื่อเดือนธันวาคม 2020 ที่ผ่านมานี้เอง
แอนดี้ คาร์โรลล์
ย้ายจาก : นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด > ลิเวอร์พูล
ค่าตัว : 35 ล้านปอนด์
ฤดูกาล : 2010-11
ดีลนี้สาวก ‘เดอะ ค็อป’ ที่แทงบอลออนไลน์น่าจะไม่มีใครลืมแน่นอนเพราะการซื้อ คาร์โรลล์ เข้ามานั้นถูกเปรียบว่าเป็นการละลายเงินก้อนใหญ่ที่ไร้ค่ามากกว่าประสบความสำเร็จ
ช่วงครึ่งฤดูกาลแรก คาร์โรลล์ กระหน่ำให้นิวคาสเซิ่ลไปได้ถึง 11 ประตูจากการลงสนาม 19 นัดในพรีเมียร์ลีกแต่พอย้ายมา ลิเวอร์พูล เขากลับยิงได้แค่ 2 ประตูจากการลงสนาม 7 นัดเท่านั้น
กระทั่ง คาร์โรลล์ ได้โอกาสลงสนามเต็มฤดูกาล 2011-12 สถิติ 35 นัดยิงได้ 4 ประตูก็เป็นที่จดจำไม่รู้ลืมทำให้สุดท้ายแล้วช่วงเวลาของ คาร์โรลล์ ในถิ่น แอนฟิลด์ นั้นมันสั้นแค่ 1 ฤดูกาลครึ่งเท่านั้น
เฟร์นันโด ตอร์เรส
ย้ายจาก : ลิเวอร์พูล > เชลซี
ค่าตัว : 50 ล้านปอนด์
ฤดูกาล : 2010-11
หากถามว่าอะไรเข้าฝันให้ ลิเวอร์พูล ซื้อคาร์โรลล์นั้นก็ต้องดีลนี้เลยเพราะ เชลซี ปิดดีลคว้า ตอร์เรส ไปได้ทำให้ทัพ “หงส์แดง” ต้องเร่งเครื่องหาตัวแทนและหวยก็ไปออกที่ คาร์โรลล์
สภาพชีวิตของ ตอร์เรส นันไม่ได้แตกต่างจาก คาร์โรลล์ เลยเพราะครึ่งฤดูกาลหลังเขายิงได้แค่ประตูเดียวจากการลงสนามถึง 14 นัดให้กับ เชลซี จนถูกล้อว่าเป็นสาก 50 ล้าน
แต่ถึงอย่างนั้นในแง่ของความสำเร็จและการยิงประตูสำคัญคงต้องยกให้ ตอร์เรส เพราะเขาคือคนที่ยิงดับ บาร์เซโลน่า นำเชลซีเข้าชิง แชมเปี้ยนส์ลีก 2011-12 จนกระทั่งคว้าแชมป์ได้รวมถึงนัดชิง ยูโรปา ลีก 2012-13 เขาก็ยิงประตูได้อีกด้วย
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง
ย้ายจาก : โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ > อาร์เซน่อล
ค่าตัว : 56 ล้านปอนด์
ฤดูกาล : 2017-18
ไม่น่าเชื่อว่าทีมที่ทำลายสถิติจ่ายหนักวันสุดท้ายตลาดหน้าหนาวจะเป็น อาร์เซน่อล แถมยังเป็นการดึงหัวหอกระดับ โอบาเมย็อง เข้ามาสู่ทีมได้อีกด้วยซึ่งเพียงแค่ครึ่งฤดูกาลแรกเขาก็กดไป 10 ประตูจากการลงสนาม 13 นัดในพรีเมียร์ลีกให้กับทีมได้แล้ว
หลังจากนั้น โอบา ก็กลายเป็นเดอะแบกในแดนหน้าให้กับ “ปืนใหญ่” ด้วยการซัดไป 22 ประตูจากการลงสนาม 36 นัดในอีกสองฤดูกาลถัดมา (สถิติเท่าเดิมเป๊ะ) กระทั่งล่าสุดที่เพิ่งขยายสัญญาค่าเหนื่อยมหาศาลออกไปฟอร์มของ โอบา ก็ดร็อปลงแบบน่าใจหาย
ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเลขค่าเหนื่อยที่เพิ่มเยอะขึ้นจะทำให้ความมุ่งมั่นของ โอบา ลดลงรึเปล่าแต่ก็ทำได้แค่หวังว่าตอนนี้ โอบา จะกลับมาคืนฟอร์มในแบบที่แฟนปืนใหญ่คุ้นเคยกันอีกครั้ง
ติดตามบทความฟุตบอลดีๆรวมถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเล่นพนันออนไลน์ ติดตามข้อมูลดีๆแบบนี้ได้ทาง ballroad.com เท่านั้น